ภาพกิจกรรมท่องเที่ยว เกาหลี มาแล้ววว!!

จากประเทศไทย เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน เกาหลีใต้ ใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ครอบครัวชาวWCI ก็ได้เหยียบแผ่นดินเกาหลีในที่สุด ระหว่างที่ร่วมกันถ่ายภาพเป็นที่ระทึก เอ้ย! ระลึก… ทุกคนก็เตรียมตัวขึ้นรถบัสจากทัวร์ที่เราใช้บริการอยู่ มีไกด์สุดหล่อชื่อ “คุณเชียงใหม่” และคุณผู้ช่วยไกด์ “คุณเจ” และที่สุดสเปเชี่ยล จริงๆ คือ เรามีไกด์ชาวเกาหลี(ที่พูดไทยได้) “คุณเควิน” มาดูแลให้ความสนุกสนานกับพวกเราด้วย พร้อมกับผู้ดูแลนักท่องเที่ยวจากสมาคมวัฒนธรรมเกาหลี ชื่อ “คุณสู้สู้”

หลังจากที่เราขึ้นรถบัส ท่านประธานบัณฑิต เทียนทำนูล ประธานกรรมการบริหารแห่ง WCI ของเรา ก็ได้กล่าวต้อนรับ หุ้นส่วนสมาชิกชาวเวิล์ดคลาสฯ อย่างอบอุ่น พร้อมที่จะได้ร่วมเดินทางเคียงข้างกันไปตลอด 5 วัน 4 คืน ในแดนกิมจิ ประเทศเกาหลีอย่างมีความสุข สนุกสนาน และตื่นเต้นอย่างยิ่ง

เราเริ่มสตาร์ททริปแรกกันด้วย อาหารเลื่องชื่อที่เมืองชุนชอน ไก่ บาร์บีคิวผัดซอสเกาหลี เมนูมื้อกลางวันสุดอร่อย เสริฟพร้อมกิมจิ และน้ำซุบประจำร้าน เรียกได้ว่า อิ่มอร่อยกันจนลืมอากาศร้อนๆ ไปเลยค่ะ หลังจากท้องอิ่มกันแล้วก็เดินทางไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ ข้ามแม่น้ำไปสัมผัสบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ เกาะนามิ สถานที่ถ่ายละครดัง “เพลงรักในสายลม” ที่จะมีรูปปั้นพระนาง ตั้งอยู่ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปแบบชิคๆ ชื่นชมสวนเกาหลีเขียวขจี และดงต้นสนสูงเสียดฟ้า สวยงามแบบธรรมชาติๆ

จากนั้นไปต่อกันที่หมู่บ้านฝรั่งเศส (Petite France) ถิ่นเจ้าชายน้อยที่มีอาคารบ้านเรือนแบบพื้นเมืองฝรั่งเศส เน้นสีสันสวยงาม อีกทั้งริมทางยังมีผลไม้พื้นเมืองของเกาหลี อย่างแตงโมเกาหลี หวานฉ่ำน้ำหวานเนื้อแตงโม อร่อยสุดๆ และจบท้ายวันแรกด้วยอาหารมื้อเย็นสุดอลังกาล ไก่ตุ๋นโสม เกาหลี (Korean ginseng chicken soup) ซึ่งคุณไกด์เควิน ได้เล่าให้ฟังว่า เป็นอาหารพื้นเมืองที่สมัยก่อนจะได้กินแค่จักรพรรดิและเหล่าราชวงศ์ของเกาหลีเท่านั้น คนธรรมดากินไม่ได้นะคะ (เค้าบอกมา)

หลังจากได้นอนสบายๆ ในโรงแรมย่านกรุงโซล หุ้นส่วนสมาชิกชาวWCI ก็เริ่มเช้าวันใหม่ตั้งแต่ 9.00 น. เพื่อเดินทางไปยังโรงเรียนกิมจิ เพื่อฝึกทำกิมจิแบบต้นฉบับ ซึ่งคุณครูของเราก็พูดไทยได้ชัดมาก และยังเล่าว่า ชาวเกาหลีนิยมทำกิมจิกินกันเองที่บ้าน ทำให้แต่ละบ้านจะมีรสชาติไม่เหมือนกัน เป็นมรดกตกทอดกันมาหลายรุ่น ได้ยินแบบนี้ หุ้นส่วนสมาชิก WCI ก็ลงมือฝึกทำกิมจิกันอย่างตั้งใจ จนได้กิมจิออกมาหน้าตาสวยงาม ส่วนกิมจิที่ทุกคนทำนั้น…ก็จะมีสมาคมจากบ้านเด็กด้อยโอกาสและเด็กพิการ มารับไปรับประทานแทน นอกจากจะได้ทำกิมจิและได้ซื้อกิมจิและเครื่องเคียงอร่อยๆ กลับไปเป็นของฝากกันแล้ว ทุกคนยังได้แต่งกายชุดฮันบก อันเป็นชุดประจำชาติของเกาหลี เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างสนุกสนานสุดๆ ปิดท้ายช่วงกลางวันด้วยเมนูคาลบี้ “หมูย่างเกาหลี” อาหารดั้งเดิมที่รู้จักกันดี แต่กินที่เกาหลี อร่อยกว่าบ้านเรามาก เนื้อหมูหวานนุ่ม กลมกล่อม มีน้ำจิ้มเต้าเจี่ยว เสริฟพร้อมเครื่องเคียงกิมจิ ซุปสาหร่ายทุกโต๊ะ อร่อยจนลืมอากาศร้อนกันอีกเช่นเคย…

เริ่มตะลุยช่วงบ่ายกันต่อที่สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ หรือ ดิสนีย์แลนด์เกาหลี โดยบัตรเครื่องเล่นของพวกเราก็เป็นแบบอันลิมิเต็ท (Unlimited Pass) สามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทุกชนิดแบบไม่จำกัดรอบอีกด้วย ทริปนี้หุ้นส่วนสมาชิก WCI ก็ได้นั่งกระเช้าลอยฟ้า เพื่อชมวิวรอบๆ สวนสนุน จากนั้นก็แยกย้ายกันไปเล่นเครื่องเล่นแบบลืมเวลาไปเลยค่ะ มีทั้งสวนสัตว์ซาฟารี รถไฟเหาะ หนอนสะบัด โรงหนังสี่มิติ หรือบ้านผีสิง สนุกแบบเว่อร์ๆ

จบจากสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ ก็ไปลุยต่อกันที่ หอคอยโซลทาวเวอร์( N Seoul Tower) ตามรอยซีรีย์เกาหลี ไปล็อคกุญแจคู่รัก Lock of LOVE อธิฐานให้รักกันตลอดไป ไฮไลท์คือ จุดชมวิวที่มองเห็นวิวทั่วทั้งกรุงโซล หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการท่องเที่ยว

มื้อเย็นไปอร่อยเบาๆ กับอาหารระดับภัตตาคาร บุฟเฟ่ต์บาบีคิวสไตล์เกาหลี ซุปหม้อไฟหอมอร่อย หมูนุ่มร้อนๆ และส่งหุ้นส่วนสมาชิกเข้านอน อย่างหรูหรา ณ โรงแรมสุดหรูระดับห้าดาว Hotel Novotel Seoul Ambassador Doksan.

เปิดเช้าวันที่สาม เราเดินทางกันไปเติมความรู้กันเบาๆ ที่ศูนย์โสมรัฐบาล กำหนดการเดิมต้องไปพระราชวังชางต๊อกกุง (Changdeokgung) แต่ด้วยอากาศที่ร้อนม๊ากกกก…! ทุกคนเลยอยากจะมีความสุขกับการช็อปปิ้งมากกว่า คุณไกด์ทัวร์ผู้ใจดีของเรา ก็เลยพาเราไปละลายทรัพย์กันที่ ศูนย์คอสเมติก (Jin Sun Mi) เขตปลอดภาษี Tax Refund Shop  ซึ่งเหล่าหุ้นส่วนสมาชิก WCI ก็จัดเต็มทั้งเครื่องสำอางค์เกาหลี และของฝากกันอย่างจุใจ โดยไม่ต้องกังวลถึงน้ำหนักจะเกินตอนขากลับ เพราะบริษัทเวิลด์ คลาส อินโนเวชั่น ใส่ใจถึงความสนุกสนานของหุ้นส่วนสมาชิกทุกคน จึงได้ซื้อเพิ่มน้ำหนักขากลับให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว  หลังจากละลายทรัพย์กันเป็นอันน่าพอใจ… ช่วงบ่ายๆ เราก็ไปเช็คสภาพตับที่ศูนย์สมุนไพรเกาหลี ฮอกเกนามู จากนั้นเราก็ไปตะลุยกันต่อที่แหล่งช็อปปิ้งสุดเลื่องชื่อ “ย่านเมียงดง” Myeongdong (명동) ให้เหล่าหุ้นส่วนสมาชิก WCI ได้ละลายทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสุขและความสะใจ

หลังจากที่เราช็อปปิ้งกับอย่างพอใจ ก็ปิดท้ายด้วยดินเนอร์สุดอลังกาล ณ ภัตตาคารใหญ่ จัดเต็มเมนูบุฟเฟต์ ขาปูยักษ์ และไวน์แดง โดยงานเลี้ยงเล็กๆ สไตล์เวิลด์คลาสฯ นี้ ท่านประธานบัณฑิต เทียนทำนูล ก็ได้กล่าวต้อนรับ หุ้นส่วนสมาชิกที่ได้ตำแหน่งคลาว์ Craw รุ่นแรกของบริษัท และกล่าวต้อนรับสมาชิกชาวเมียนม่าร์อย่างเป็นทางการ พร้อมพูดคุยถึงอนาคต WCI ให้หุ้นส่วนสมาชิกได้มั่นใจกับเส้นทางการดำเนินธุรกิจที่มั่นคง และยั่งยืนแบบฉบับเวิลด์คลาสฯ บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความตื้นตันใจ และมีความสุข…

เปิดเช้าวันสุดท้าย Last Trip day ไปเติมความรู้เข้าสมองกันเบาๆ ที่ศูนย์สมุนไพร REDPINE และพาทุกท่านไปละลายเงินวอน กันต่อในรอบสุดท้ายที่ DUTY FREE แหล่งช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของเกาหลี เขตปลอดภาษีที่เอาใจนักท่องเที่ยวขาช็อป และในระแวงนั้นเองก็เดินไปชมความสวยงาม สบายตาที่คลองชองเกชอน คลองน้ำใสอันเก่าแก่ในยุคสมัยประวัติศาสตร์ของกรุงโซล จากนั้นแวะซื้อของฝากที่ซุปเปอร์มาเก็ต ก่อนไปกินอาหารที่ร้านบุฟเฟ่ต์ อาหารนานาชาติเกาหลี

ส่งท้ายทริปเที่ยวเกาหลี ไปสนุกกันต่อที่ TRICK EYE MUSEUM “เคล็ดลับงานศิลปะแห่งภาพ” สถานที่อันมีภาพวาดมากมายให้เราได้ถ่ายรูปชิคๆ  พร้อมตะลุยเมืองน้ำแข็งเย็นสุดขั้วที่ ICE MUSEUM ซึ่งมีผลงานน้ำแข็งสลักกว่า 50 ชนิด  ก่อนเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ จากท่าอากาศยานสุดหรู อันดับ 3 ของโลก ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน เกาหลีใต้ โดยสายการบิน T’way เป็นอันจบทริปท่องเที่ยวของ WCI “ท่องแดนกิมจิ… กินหรู อยู่สบาย สไตล์เวิลด์คลาส”

รอบหน้า WCI ก็ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวให้หุ้นส่วนสมาชิกได้ร่วมสนุกกันอีกมากมาย… ใครพลาดครั้งนี้ไป ก็ไม่ต้องเสียใจนะคะ เรายังมีทริปหน้าอีกเรื่อยๆ ติดตามกันเร็วๆ นี้ค่ะ